วันเสาร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

สต๊อกสินค้า

บัญชีพอเพียง

เกมส์ค้นหาอุปกรณ์กีฬา

เกมส์กระดาน100 ช่อง

เกมส์ sudoku

ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever)

สุนัขพันธุ์ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์นี้มีต้นกำเนิดในรัฐนิวฟาวด์แลนด์ประเทศแคนาดา โดยใช้ช่วยงานชาวประมงในการลากอวนเข้าฝั่ง ปีที่กำเนิดประมาณ ค.ศ. 1800 และต่อมาในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 สุนัขต้นสายพันธุ์ลาบราดอร์ได้ถูกนำจากนิวฟาวด์แลนด์มาที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นสุนัขที่มีสีดำ ขนสั้นทั้งสิ้น แต่ด้วยความที่มีการเก็บค่าภาษีสุนัขที่แพงมาก ประกอบกับกฏระเบียบที่เข้มงวดของอังกฤษทำให้การนำเข้าสุนัขพันธุ์นี้ไปยังอังกฤษต้องหยุดชะงักลง เมื่อความต้องการลดน้อยลงคนจึงเลิกเพาะ จนมีการพัฒนาสายพันธุ์ขึ้นมาใหม่โดยผสมข้ามสายพันธุ์กับสุนัขในกลุ่มรีทรีฟเวอร์ในปี ค.ศ. 1903 จะเห็นได้ว่าเดิมสุนัขพันธุ์นี้มีแต่สีดำ แต่หลังจากมีการพัฒนาสายพันธุ์ในภายหลังทำให้เกิดสีเหลืองตามมา ซึ่งก็เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปและถูกต้องตามมาตรฐานสายพันธุ์ หรือแม้จะเป็นสีช็อคก็ได้รับความนิยม

ปัจจุบันสุนัขพันธุ์นี้นอกจากจะใช้งานในการล่าสัตว์แล้ว ยังใช้ในการตรวจค้นหายาเสพติด ระเบิด และช่วยนำทางให้กับผู้พิการทางสายตาอีกด้วย



ลักษณะทั่วไป
เป็นสุนัขที่มีโครงสร้างแข็งแรง ฝึกง่าย มีความกระตือรือร้น ขนาดใหญ่ ตัวผู้สูง 22.5-24.5 นิ้ว หนัก 60-75 ปอนด์ ตัวเมียสูง 21.5-23.5 นิ้ว น้ำหนัก 55-70 ปอนด์ (ส่วนสูงถึงหัวไหล่ และน้ำหนักโดยประมาณ 25-34 กิโลกรัม)


ศีรษะ

กะโหลกใหญ่กว้าง สันจมูกมี STOP ขอบบนของเบ้าตาเป็นสันนูนขึ้นเล็กน้อย


ตา

ตามีแววที่เป็นมิตร มีขนาดปานกลางไม่โปนหรือบุ๋มลึกเข้าไป มีสีน้ำตาลเข้มหรือดำ


จมูก

จมูกใหญ่และกว้าง มีสีดำสนิทหรือสีน้ำตาล (ขึ้อยู่กับสีขน)


ฟัน

ฟันต้องสบกันพอดี โดยฟันล่างสัมผัสด้านในของฟันบน


หู

หูจะปรกด้านข้างของหัว มีขนาดพอดี ถ้าดึงปลายหูมาด้านหน้าจะยาวระดับตา


ลำตัว

คอยาวเล็กน้อย มีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงเป็นลักษณะของสุนัขที่ใช้ในเกมกีฬา เส้นหลังตรง ลำตัวสั้น ช่วงอกกว้างหนา กระดูกซี่โครงค่อนข้า
งกลม


หาง

ส่วนโคนหางมีขนาดใหญ่ กลม หนา เรียวไปยังส่วนปลาย ไม่มีพู่หาง หางคล้ายหางของนาก


ขน

ขนสั้น เหยียดตรงและหนา มีขนสองชั้น ขนเรียบ มีสามสี สีดำสนิท สีน้ำตาลเข้ม หรือสีเหลืองหรือครีมจาง


ขา

ขาหน้าเหยียดตรงแข็งแรง อุ้งเท้าหนา นิ้วเท้าโค้งมาก ขาหลังแข็งแรงได้สัดส่วน


ลักษณะนิสัย

เป็นสุนัขที่ฉลาด ใจดี เป็นมิตร สุภาพ ไม่ก้าวร้าวต่อคนและสุนัขด้วยกัน อยู่รวมเป็นฝูงได้ ชอบว่ายน้ำ ตอบสนองรวดเร็ว สามารถฝึกความสามารถพิเศษอื่นๆ ได้มากมาย เช่น ใช้เป็นสุนัขค้นหาผู้ประสบภัย ค้นหายาเสพติด ฯลฯ ปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ได้ง่าย


สิ่งที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ

เป็นสุนัขที่อ้วนได้ง่าย ควรพาไปออกกำลังกายสม่ำเสมอ และได้รับอาหารที่ถูกสุขลักษณะ

การอาบน้ำลูกสุนัข

หวัดดีค่าสมาชิกทุกคน..วันนี้นุ่นมีวิธีการอาบน้ำลูกสุนัขมาฝากกันจ่ะ..ได้รับการสอนมาจากพี่หน่อย พ่อของน้องแกงจืดค่ะ เลยเอามาเขียนให้สมาชิกได้อ่านกัน..หุหุ
วิธีการอาบน้ำลูกสุนัข
เตรียมอุปกรณ์ก่อนนะคะ
1.แชมพูสำหรับลูกสุนัข(นุ่นใช้เบบี้มายด์สีเหลืองค่ะ..หอมดี หวีง่ายขนไม่พันกัน)
2.ฟองน้ำ 2 ก้อน
3.ผ้าสำหรับเช็ดตัว 2 ผืน
4.สำลี 2 ก้อน
5.หวีลวด และหวีตุ่มๆ
6.ไดร์เป่าผม หรือ พัดลมก็ได้จ่ะ
มาเริ่มการอาบน้ำได้แล้ว..เอาสำลีอุดหูน้องหมาก่อนนะคะกันน้ำเข้าหู
1.บีบแชมพูลงบนฟองน้ำ บีบๆให้เกิดฟอง (น้ำอุ่นนะจ๊ะ)
2.เอาฟองน้ำอิกก้อนชุบน้ำเช็ดตามตัวของน้องหมา หน้ากะก้นเช็ดมากๆหน่อยนะคะ บีบน้ำจนน้องหมาเปียก
3.เอาฟองน้ำที่มีแชนพูขยี้ลงบนน้องหมาเลย ขยี้ไปทั้งตัว
4.เอาฟองน้ำอิกก้อนล้างแชมพูออกก่อน ถ้าจะอาบ2ครั้งก็ทำตามวิธีเดิม
5.ล้างน้ำอุ่นจนมั่นใจว่าสะอาดปราศจากแชมพู เน้นนะคะ ต้องสะอาดไม่มีแชมพูจริงๆ
6.รีดน้ำออกจากขน
7.ใช้ผ้าเช็ดตัวห่อตัวเค้าก่อน แล้วก็ขยี้ๆ เปลี่ยนผ้าอิกผืนค่ะ แล้วก็เช็ดจนตัวเกือบแห้ง
8.ใช้ไดร์(ไม่ต้องร้อนมาก)เป่าเลยค่ะ เป่าไปก็หวีไปจนแห้งสนิท แล้วเอาสำลีเช็ดตามหู ซอกหู ง่ามนิ้ว
9.ปล่อยเค้าวิ่งเล่นสักพัก แล้วค่อยหวีอีกทีหนึ่ง

ฝึกเดินชิด และนั่งชิดข้างเมื่อหยุดเดิน

ฝึกตอนเช้าๆ ลูกหมากำลังหิว ใช้อุปกรณ์คลิกเกอร์ และให้อาหารเป็นรางวัล
เอาภาพมาให้ดูเล่นๆพอเป็นแนวๆ
ถ้ามีเวลาจะหาลิ้งค์ที่เกี่ยวกับการใช้คลิกเกอร์และวิธีฝึกมาแปะไว้ให้

ก่อนอื่น ต้องเตรียมอุปกรณ์การฝึก ติดตัวไว้ให้พร้อม
ไม่ใช่คอยวิ่งไปหาโน่น หานี่ ขณะที่กำลังฝึก

1. เตรียมอาหารสำหรับฝึก ตามรสนิยม(ของผู้ฝึก และของลูกหมา)
หั่นเป็นชิ้นเล็กๆให้เหมาะกับหมาแต่ละตัว (ควรทดลองให้ลูกหมากินดูก่อนใช้ฝึก)
ลูกหมาควรจะกลืนกินชิ้นอาหารได้อย่างเร็ว ไม่ต้องใช้เวลาเคี้ยวมากเกินไป
ผู้ฝึก ก็ควรจะถือให้ลูกหมากินได้ถนัด ไม่หลุดมือ ร่วงหล่นลงพื้นได้ง่าย
ที่สำคัญ ควรเป็นอาหารที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อลูกหมา



สำหรับที่บ้าน จะใช้ อาหารดิบหั่นเป็นชิ้นพอดีใช้
หรืออาหารเม็ด แช่น้ำนิดหน่อยพอนิ่ม
ถ้าใช้อาหารเม็ดแห้งๆเลย หมาบางตัวจะติดคอ
ไอค่อกแค่ก ทำให้เสียสมาธิ ขัดจังหวะในการฝึก

2. คลิกเก้อร์
สำหรับลูกหมาสายใช้งานทั่วไป ใช้แบบที่มีเสียงดัง(เป็นเหล็กสปริง)ดีกว่า
ถ้าเป็นหมาพันธุ์เล็ก ขี้ตื่น ขี้ระแวง ก็ใช้แบบเป็นพลาสติกเสียงจะเบาลง

3. ของเล่นที่ลูกหมาชอบ
ลูกหมาเด็กๆ ควรใช้ลูกบอลยางเล็กๆร้อยเชือก
หรือ ท่อนกัดนิ่มๆ ทำด้วยผ้าม้วนพันเป็นท่อนขนาดพอเหมาะ ร้อยเชือก

4. ปลอกคอ และสายจูง
ควรใช้แบบผ้า หรือไนล่อน เส้นแบน มีห่วงคล้องและตัวล้อคที่แข็งแรง
สายจูงแบบไนล่อนเบาๆ ยาวประมาณ 1-1.20 เมตร หัวล้อคขนาดเล็ก



5. เสื้อกั๊ก หรือ เอี๊ยมสั้น มีช่องที่เหมาะสม สำหรับใส่อุปกรณ์ที่พูดมาข้างบนนี้
และเผื่อไว้สำหรับเมื่อลูกหมาโตขึ้น จะต้องมีอุปกรณืมากขึ้น และขนาดใหญ่ขึ้น
เช่นลูกบอล/ท่อนกัดที่ใหญ่กว่าเดิม, อาหารที่ปริมาณมากกว่าเดิม เป็นต้น

วิธีการสอนขับถ่ายให้กับลูกสุนัข

วิธีการสอนขับถ่ายให้กับลูกสุนัข (Lisa)



การสอนลูกสุนัขในการขับถ่ายให้เป็นที่เป็นทางด้วยตนเองได้ โดยการฝึกนิสัย ดังนี้

1. หลังจากการกินอาหาร ดื่มน้ำ เล่น หรือตื่นนอน มักเป็นเวลาที่ลูกสุนัขถ่ายอุจจาระและปัสสาวะ ลูกสุนัขเล็กๆ อาจถ่ายทุก 2-3 ชั่วโมง

2. เมื่อลูกสุนัขรู้สึกอยากถ่ายปัสสาวะหรืออุจจาระ มักจะดมกลิ่นบนพื้น บางตัวอาจดมพื้นแล้ววิ่งวนไปรอบๆ ในเวลาเดียวกัน ซึ่งจะต้องรีบนำลูกสุนัขไปยังที่ที่จัดไว้ให้ลูกสุนัขถ่ายทันที

3. วางลูกสุนัขลงบนกระดาษหนังสือพิมพ์ ซึ่งเป็นวัสดุที่ซึมซับได้ดี นอกจากนี้ ยังมีราคาถูกและหาได้ง่าย การเปลี่ยนกระดาษหนังสือพิมพ์ควรเหลือแผ่นเก่าไว้บ้าง เพื่อให้ลูกสุนัขจำกลิ่นและถ่ายที่เดิมอีก

4. เมื่อลูกสุนัขขับถ่ายบนกระดาษแล้ว เจ้าของควรแสดงความชื่นชมสุนัข ถ้าสุนัขไปถ่ายบริเวณอื่น ก็ไม่ต้องลงโทษ หรือจับสุนัขไปดมสิ่งขับถ่ายที่อยู่บนพื้น

นอกจากจากการฝึกอุปนิสัยการขับถ่ายให้เป็นที่เป็นทางแล้ว เราสามารถตรวจดูสุขภาพของสุนัขได้ เมื่อเก็บของเสียที่ถ่ายออกมา ดูว่ามีสีผิดปกติหรือไม่ ถ่ายเหลวไปหรือไม่ มีพยาธิหรือไม่ จากลักษณะที่บ่งบอกนี้จะช่วยให้เรารักษาอาการผิดปกติในระยะเริ่มต้น ซึ่งจะช่วยให้สุนัขปลอดภัยจากโรคที่มีอาการร้ายแรงได้

วิธีฝึกพวกเราให้ฉลาด

ควรฝึกลูกสุนัขโดยทันที เริ่มจากการให้อาหารลูกสุนัขเป็นเวลาและพาออกไปเที่ยวนอกบ้านบ่อยๆ ถ้าหากคุณเลี้ยงลูกสุนัขของคุณด้วยอาหาร
ของลูกสุนัขของยูคานูบาหรืออามส์สำหรับลูกสุนัข จะพบว่าเวลาในการฝึกจะสั้นลงเนื่องจากการให้อาหารและการขับถ่ายจะเป็นกิจวัตร
จะมีสิ่งบอกเหตุซึ่งคุณคุณต้องคอยสังเกตว่า ถึงเวลาที่จะต้องนำลูกสุนัขออกไปนอกบ้าน ในกรณีที่ลูกสุนัขเดินไปตามพื้นเป็นรูปวงกลม นั่งหรือ
ร้องครางอยู่ที่ประตู หรือถ้าคุณมองเห็นสุนัขของคุณมองคุณด้วยสายตาวิงวอน และกระวนกระวาย นั่นแสดงว่าเป็นเวลาที่คุณควรจะนำเขาออกไปข้างนอก
หลังจากที่ลูกสุนัขปัสสาวะเสร็จ ให้ชมเขาอย่างเงียบๆ แล้วนำเขาเข้ามาในบ้านในไม่ช้าเขาก็จะเชื่อมโยงการปัสสาวะนอกบ้านกับคำชมเชยของคุณ

ขั้นแรกสอนให้ลูกสุนัขจำชื่อของเขาโดยเรียกบ่อยๆ ขานชื่อเขาด้วยน้ำเสียงที่สดใสและมีชีวิตจิตใจ ซึ่งจะดึงดูดความสนใจเขา ให้ทำอย่างนี้ใน
ขณะที่เล่นกับเขา และก้มลงจะเล่น หรือขณะที่คุณกำลังจะวางชามอาหารของเขาลง ในไม่ช้าเขาจะเข้าใจเวลาคุณหรือใครก็ตามที่
เรียกชื่อเขา ย่อมหมายถึงเขา เริ่มทำการสื่อสารโดยไม่อาศัยคำพูดตั้งแต่แรก โดยอาศัยส่งทางสายตากับลูกสุนัขของคุณ เรียกชื่อของ
เขา เมื่อเขาหันหลังสบตากล่าวคำชมเชยเขาอย่าสุดจิตสุดใจเพื่อดึงดูดความสนใจของเขา โดยให้เขามองที่ตาของคุณ (ใช้มือทั้ง
สองป้องตาจะช่วยได้) ให้ทำอย่างนั้นนานเท่าที่คุณจะทำได้ และกล่าวชมเขาตราบเท่าที่เขาจ้องมองที่ตาคุณ ในไม่ช้าลูกสุนัขจะเริ่มจ้องมาที่ตาคุณ และเขาจะหัดตีความหมายการมองของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการมองแบบยิ้มๆ เพื่อให้รู้ว่าเห็นด้วย หรือการจ้องที่ขึงขังซึ่งหมายความว่าไม่เห็นด้วย

ปลอกคอและสายจูง


ฝึกให้ลูกสุนัขของคุณเคยชินกับปลอกคอและสายจูง เริ่มจากใช้ปลอกคอที่แคบและอ่อนนุ่มก่อน และให้เขาใส่เป็นประจำจนกว่าจะเกิดความเคย
ชิน แล้วค่อยเอาโซ่ที่เบาติดเข้ากับปอกคอ ให้ยาวจนลากดินแล้วปล่อยให้เขาลากไปมาเป็นเวลาหลายวัน วิธีการต่อไปก็คือให้จับปลายข้างโซ่ขึ้น
มาโดยไม่ให้มันตึง ดึงให้ตรงแล้วเดินล่อลูกสุนัขของคุณด้วยคำหวานเพื่อให้เดินตามคุณ ถ้าเขาเดินไม่ทันหรือวิ่งนำหน้าคุณ ให้กระตุกสั้นๆ
และเบาๆ ควรจะเดินไปพร้อมๆกัน เพื่อทำให้ลูกสุนัขไม่รู้สึกว่าเป็นการนำมี่ล้ำหน้าเกินไป และไม่เริ่มคิดว่าเป็นการบังคับที่ไม่สบายเลย ในช่วง
นี้คงเพียงพอ แต่คุณสามารถฝึกสุนัขได้จริงจังกว่านี้ เมื่อเขามีอายุมากขึ้น และประสบการณ์ในระยะแรกในสายจูงจะเป็นพื้นฐานที่ดี
ในช่วงอายุ 5 - 6 เดือน คุณสามารถเริ่มฝึกแบบเอาจริงเอาจัง ในเนื้อหาถัดไปคุณจะเรียนรู้วิธีสอนลูกสุนัขของคุณเชื่อฟังคำสั่งพื้นฐาน
เช่น "ชิด" "นั่ง" "หมอบ" "คอย" มีหนังสือคู่มือฝึกสุนัขดีๆ อยู่จำนวนมาก และคุณควรศึกษาจากหนังสือสักเล่มหนึ่ง เพื่อฝึกสุนัข
ของคุณให้เลยขั้นพื้นฐาน หากคุณไม่มีเวลาศึกษาวิธีฝึกสุนัขก็ควรนำไปสมัครที่ศูนย์ฝึกสุนัข


นั่ง

"นั่ง" บางครั้งอาจจะสอนโดยไม่ต้องอาศัยวิธีกายภาพ ให้ยื่นมือข้างใดข้างหนึ่งเหนือศีรษะของลูกสุนัข และให้นิ้วแนบชิดติดกันราวกับมี
ของอยู่ในมือ ลูกสุนัขของคุณจะสนใจมือของคุณ และจะจ้องมองดูในขณะที่เขามองดู ให้หดมือกลับคืนเหนือศีรษะของลูกสุนัข การมองมือที่หด
กลับอาจทำให้เขานั่งลง ถ้าเขานั่งลงก็ให้พูดว่า "นั่ง"
ถ้าลูกสุนัขของคุณไม่ตอบสนองต่อวิธีที่ไม่อาศัยวิธีกายภาพ ให้ช่วยเขาเล็กน้อยให้ผูกสายจูงเข้ากับปลอกคอลูกสุนัขของคุณ และใช้สิ่งนี้เพื่อให้
เขาอยู่ใกล้คุณให้ค่อยๆ ดันส่วนท้ายของลูกสุนัขลง และดึงสายจูงขึ้นมาเล็กน้อย และพูดว่า "นั่ง"
ตอนนี้ลูกสุนัขของคุณรู้ว่าจะ "นั่ง" อย่างไร การหมอบจึงไม่ยากจนเกินไปสำหรับเขา ให้ลูกสุนัขด้วยวิธีทั้งสอง ในขั้นสุดท้ายก็คือ ต้องกล่าว
ชมลูกสุนัขของคุณเมื่อเขานั่งลงตามคำสั่ง อย่าใช้ของว่างหรือสินจ้างรางวัล การยอมรับและคำชมเชยเป็นสิ่งที่ช่วยส่งเสริมที่ดีที่สุด

วันศุกร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2554

ข้อแนะนำในการฝึกสุนัข

ทำตามกำหนดการ ให้กำหนดเวลาในการฝึกสุนัข และทำตามเวลาที่กำหนดแน่นอนวันละ 2 ครั้ง เวลาในการฝึกควรให้สั้น เริ่มจากการฝึกครั้งละ 5 -10นาที แล้วค่อยๆ เพิ่มเวลาการฝึกให้นานขึ้น อย่าฝึกนานจนลูกสุนัขของคุณเกิดความเบื่อหน่าย หรือดูมีอาการกระสับกระส่ายและไม่มีสมาธิ เวลาที่เหมาะที่สุดคือเวลาก่อนอาหารลูกสุนัขที่หิวเล็กน้อยจะตื่นตัวและมีชีวิตชีวามากกว่า ลูกสุนัขที่เพิ่งกินอาหารหรือก่อนเข้านอน


ต้องสม่ำเสมอ เวลาออกคำสั่งเดียวกัน ให้ใช้คำและน้ำเสียเดียวกันทุกครั้ง หากคุณพูดว่า "มานี่เบลเซอร์" ด้วยน้ำเสียงที่สดใสและเข้าใจในระหว่างการฝึก ในการฝึกครั้งต่อไป อย่างเปลี่ยนเป็น "มานี่เบลเซอร์" ด้วยน้ำเสียงที่แสดงอำนาจในการฝึกครั้งต่อไป เบลเซอร์จะเกิดความสับสนและอาจจะไม่ตอบสนองในสิ่งที่คุณต้องการ


ต้องมั่นคง ให้ลูกสุนัขรู้ว่าเราไม่ได้ทำแบบเล่นๆ ให้ทำแบบเอาจริงเอาจังเพื่อให้เขารู้ว่าเขาก็ต้องทำแบบเอาจริงจังเช่นเดียวกัน อย่าให้อาการ ขี้เล่นหรือนัยน์ตาสีน้ำตาลที่เศร้าสร้อยทำให้คุณใจอ่อน


ต้องอดทน หากลูกสุนัขของคุณไม่เป็นนักเรียนที่ปราดเปรื่องในตอนต้นก็อย่าให้ เป็นเหตุทำให้คุณและสุนัขผิดหวัง ลูกสุนัขจะรู้ว่าคุณโกรธหรือขาดความอดทน ซึ่งจะทำให้เขากังวล เขาจะรู้สึกกระวนกระวายเกี่ยวกับการฝึก และสิ่งนั้นจะทำให้คุณและสุนัขยุ่งยากมากขึ้น ถ้ารู้สึกหงุดหงิดควรจะเลื่อนการฝึกออกไป


ต้องตอบสนองทันที ให้ใช้คำยกย่องหรือทำการแก้ไขโดยทันทีที่ลูกสุนัขของคุณตอบสนองต่อคำสั่ง หากเขามาตามคำสั่ง ให้ชมเขาอย่าเต็มที่ในทันทีที่เขาไปหาคุณ หรือแม้แต่เข้าไปหาโดยห่างจากจุดหมายถึงสองฟุต และต้องกระตุกสายจูงเล็กน้อยเพื่อให้เขาทำตาม การแก้ไขให้ใช้คำสั้นและห้วนว่า "อย่า" อย่าตีลูกสุนัขที่ผ่านการฝึกมาดี ควรที่จะตอบสนอง เพราะเขาอยากจะทำให้เจ้านายของเขาพอใจ ไม่ใช่เป็นเพราะเขากลัวนายของเขา


ให้คงไว้ซึ่งอัธยาศัยที่ดี ให้การสิ้นสุดการฝึกแบบมีความสุขเสมอ เพื่อที่ทั้งคุณและลูกสุนัขของคุณจะรู้สึกพอใจในตัวคุณและพอใจซึ่งกันและกัน การที่จะฝึกให้ประสบความสำเร็จ ลูกสุนัขของคุณต้องมีท่าทีในทางบวกเกี่ยวกับการฝึก และท่ามีของเขาย่อมขึ้นอยู่กับคุณโดยสิ้นเชิง

การฝึกสุนัขเบื้องต้น

เจ้าของสุนัขทุกคนมีหน้าที่ในการฝึกหัดสุนัขของเขาให้ประพฤติเป็นสมาชิกของสังคมที่มีวินัย สุนัขที่ไม่เชื่อฟัง และบังคับไม่ได้จะเป็นตัวก่อความรำคาญและเป็นอันตรายต่อคุณเอง ครอบครัวของคุณและคนอื่น เพื่อนที่มีขนปุกปุยของคุณจะเป็นเพื่อนที่สนุกสนาน ถ้าคุณสละเวลาเขาเพื่อฝึกหัดเขาให้ถูกต้อง ครูฝึกสุนัขอาชีพส่วนใหญ่จะแนะนำว่าสุนัขที่มีอายุ 5 ถึง 6 เดือน เป็นอายุที่เหมาะสมที่สุดที่จะเริ่มนำไปฝึกอย่างจริงจัง ขอแนะนำให้เข้าฝึกเชื่อฟังคำสั่งสำหรับลูกสุนัข ซึ่งจะได้ฟังข้อคิดเห็นและความซาบซึ้งในการฝึก อย่างไรก็ตามคุณสามารถเริ่มฝึกหัดลูกสุนัขเล็กน้อยตั้งแต่วันแรกที่ได้ลูกสุนัขมา
สอนลูกสุนัขของคุณให้รู้จักชื่อของเขา

ขั้นแรกสอนให้ลูกสุนัขจำชื่อของเขาโดยเรียกบ่อยๆ ขานชื่อเขาด้วยน้ำเสียงที่สดใสและมีชีวิตจิตใจ ซึ่งจะดึงดูดความสนใจเขา ให้ทำอย่างนี้ในขณะที่เล่นกับเขา และก้มลงจะเล่น หรือขณะที่คุณกำลังจะวางชามอาหารของเขาลง ในไม่ช้าเขาจะเข้าใจเวลาคุณหรือใครก็ตามที่เรียกชื่อเขา ย่อมหมายถึงเขา เริ่มทำการสื่อสารโดยไม่อาศัยคำพูดตั้งแต่แรก โดยอาศัยส่งทางสายตากับลูกสุนัขของคุณ เรียกชื่อของเขา เมื่อเขาหันหลังสบตากล่าวคำชมเชยเขาอย่าสุดจิตสุดใจเพื่อดึงดูดความสนใจของเขา โดยให้เขามองที่ตาของคุณ (ใช้มือทั้งสองป้องตาจะช่วยได้) ให้ทำอย่างนั้นนานเท่าที่คุณจะทำได้ และกล่าวชมเขาตราบเท่าที่เขาจ้องมองที่ตาคุณ ในไม่ช้าลูกสุนัขจะเริ่มจ้องมาที่ตาคุณ และเขาจะหัดตีความหมายการมองของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการมองแบบยิ้มๆ เพื่อให้รู้ว่าเห็นด้วย หรือการจ้องที่ขึงขังซึ่งหมายความว่าไม่เห็นด้วย
ปลอกคอและสายจูง

ฝึกให้ลูกสุนัขของคุณเคยชินกับปลอกคอและสายจูง เริ่มจากใช้ปลอกคอที่แคบและอ่อนนุ่มก่อน และให้เขาใส่เป็นประจำจนกว่าจะเกิดความเคยชิน แล้วค่อยเอาโซ่ที่เบาติดเข้ากับปอกคอ ให้ยาวจนลากดินแล้วปล่อยให้เขาลากไปมาเป็นเวลาหลายวัน วิธีการต่อไปก็คือให้จับปลายข้างโซ่ขึ้นมาโดยไม่ให้มันตึง ดึงให้ตรงแล้วเดินล่อลูกสุนัขของคุณด้วยคำหวานเพื่อให้เดินตามคุณ ถ้าเขาเดินไม่ทันหรือวิ่งนำหน้าคุณ ให้กระตุกสั้นๆ และเบาๆ ควรจะเดินไปพร้อมๆกัน เพื่อทำให้ลูกสุนัขไม่รู้สึกว่าเป็นการนำมี่ล้ำหน้าเกินไป และไม่เริ่มคิดว่าเป็นการบังคับที่ไม่สบายเลย ในช่วงนี้คงเพียงพอ แต่คุณสามารถฝึกสุนัขได้จริงจังกว่านี้ เมื่อเขามีอายุมากขึ้น และประสบการณ์ในระยะแรกในสายจูงจะเป็นพื้นฐานที่ดี

การเลี้ยงน้องชิวาวา

ปัจจัยสำคัญของการเลี้ยงน้องชิ
1. สถานที่
ผู้ที่คิดจะเลี้ยงสุนัขควรจะมีสถานที่หรือบริเวณพอที่สุนัขสามารถจะวิ่งเล่นออกกำลังกายได้บ้าง และจัดเป็นสัดส่วนเพื่อปกป้องข้าวของของผู้เลี้ยงเสียหาย เช่น การกัดแทะ การเยี่ยวรดสิ่งของ การอุจจาระไม่เป็นที่เป็นทาง และการลักขโมยของกิน -..-

2. ความพร้อมของเจ้าของ
เมื่อคิดจะเลี้ยงสุนัขแล้ว เจ้าของทุกๆ ท่านจะต้องมีเวลาให้กับน้องชิด้วย ซึ่งจะเกี่ยวพันถึงความพร้อมของสถานที่ด้วย ถ้าหากไม่มีพื้นที่ถ้าจะให้น้องชิของเราได้วิ่งเล่น แต่เรากลับจับน้องชิไปขังไว้ในกรง ทำให้น้องชิกดดัน แล้วจะได้ยินเสียงเห่าหนวกหูทำให้ละแวกบ้านได้รับความเดือนร้อนไปด้วย และยังส่งผลถึงน้องชิทำให้เราไม่สามารถเห็นความน่ารักของน้องชิตามธรรมชาติได้ ทำให้อุปนิสัยผิดไปจากเดิม แต่ถ้าหากมีความต้องการอยากจะเลี้ยงจริงๆ ก็ต้องมีการจัดแจงเวลาให้เหมาะสม เช่นการพาน้องชิออกไปวิ่งเล่นตามสวนสาธารณะต่างๆ

3. ความรัก
ผู้ที่คิดจะเลี้ยงน้องชิ จะต้องมีความรัก ความจริงใจและเสมอต้นเสมอปลายให้กับน้องชิด้วย บางคนได้ลูกสุนัขมาเลี้ยงเพราะความน่ารัก ในขณะที่ยังเป็นลูกสุนัขจึงนำมาเลี้ยง แต่พอสุนัขเริ่มโตขึ้น ความน่ารักที่ได้มาเหล่านั้นหายไป นิสัยใจคอเปลี่ยนไป รูปร่างโตขึ้นผิดไปจากตอนแรก อาจจะทำให้ความรักที่มีต่อลูกสุนัขตัวเล็กๆ จืดจางลงไป เริ่มไม่สนใจ ปล่อยปะล่ะเลย ดังนั้นผู้ที่คิดจะเลี้ยงน้องชิและสุนัขพันธุ์อื่นๆ จึงควรให้ความรัก ความเอ็นดูความจริงใจกับสุนัขอย่างเสมอต้นเสมอปลายด้วย

4. ความเอาใจใส่
การเลี้ยงน้องชิจะทำให้ต้องมีภาระเพิ่มขึ้น เช่น ต้องเช็ครอยเท้าที่สกปรกตามพื้นบ้าน ต้องแปรงขน อาบน้ำให้ คอยกำจัดเห็บที่รบกวน หรือต้องคอยสนใจสังเกตว่า น้องชินั้นมีสุขภาพอย่างไร ในเรื่องการขับถ่าย ท้องเสียหรือไม่ กริยาท่าทางร่าเริงหรือหงอยๆ ซึมๆ ไม่สบาย การเดิมไม่ถนัด เป็นแผล หรือขาเคล็ดขาหัก สิ่งที่เราสามารถสังเกตว่าน้องชิไม่สบายแบบง่ายๆ คือจมูก ถ้าหากน้องชิมีจมูกแห้งไม่เป็นมัน และถ้าน้องชิของเรานั้นไปกินหญ้า หรือใบตะไคร้ แสดงว่าน้องชิของเรานั้นมีอาการไม่สบาย ต้องช่วยเหลือห้ามปล่อยไว้เด็ดขาด

ปักกิ่ง

ศีรษะ : มีขนาดใหญ่ แข็งแรง กว้างและแบน ในช่วงระหว่างหูทั้งสองข้างจะต้องไม่มีโค้งนูนเป็นโดม มีระยะระหว่างตาทั้งสองข้างกว้า
จมูก : จมูกสีดำ กว้าง สั้นและแบน
ตา : ตาโต สีเข้ม กลมนูนเด่นประกาย ศีรษะ : มีขนาดใหญ่ แข็งแรง กว้างและแบน ในช่วงระหว่างหูทั้งสองข้างจะต้องไม่มีโค้งนูนเป็นโดม มีระยะระหว่างตาทั้งสองข้างกว้า
จมูก : จมูกสีดำ กว้าง สั้นและแบน
ตา : ตาโต สีเข้ม กลมนูนเด่นประกาย
สต๊อป : หรือรอยต่อระหว่างสันจมูกกับหน้าผากจะต้องลึกมาก
หู : มีลักษณะเป็นรูปหัวใจ ไม่อยู่สูงเกินไป ยาวพอสมควร ปลายหูอยู่ระดับต่ำกว่าช่วงปากเล็กน้อย ห้อยตกลงแนบแก้ม ปกคลุมด้วยขนที่ยาวมาก
ช่วงปาก : สั้นมาก กว้าง มีรอยย่น ไม่ยื่นแหลม แข็งแรง ขากรรไกรล่างกว้าง ฟันไม่ยื่นให้เห็นนอกริมฝีปาก
รูปร่างของลำตัว : ลำตัวช่วงหน้าใหญ่หนักแข็งแรง หน้าอกกว้าง ซี่โครงโค้งกว้างค่อยๆ เรียวลงทางด้านหลัง รูปร่างเหมือนสิงโต หลังเรียบขนานกับพื้น ลำตัวสั้นยกเว้นตัวเมียที่อาจยาวกว่าตัวผู้ได้เล็กน้อย
ขา : ขาสั้น ขาหน้ามีกระดูกช่วงบนโค้ง ไหล่แข็งแรง ขาหลังมีกระดูกที่เล็กบางกว่าเล็กน้อย แต่แข็งแรงและได้สัดส่วน
เท้า : เท้าแบน ปลายเท้าเฉียงออก ไม่มีลักษณะกลม จะต้องยืนได้มั่นคงบนเท้าไม่ใช่ยืนบนข้อเท้า
ลักษณะท่าทาง : ไม่กลัวใคร เป็นอิสระ แข็งแรง ลักษณะการเดินจะมีการโยกตัวซ้ายขวาอย่างนุ่มนวล(ROLL)
ขน : ขนยาว มีขนชั้นในที่หนาแน่น ขนมีลักษณะเป็นเส้นตรง เรียบไม่หยิกเป็นคลื่น ค่อนข้างหยาบแต่นุ่ม ขนบริเวณสะโพก ขา หางและหูจะต้องยาวและฟูมาก
ขนแผงคอ : ยาวและฟูมาก กว้างเกินหัวไหล่ ปกคลุมตลอดรอบลำคอ
สี : มีได้ทุกสีคือ แดง ฟอน (สีโทนน้ำตาล) ดำ ดำกับแทน (BLACK AND TAN) เซเบิล (ขนสีดำที่ปกคลุมสีของลำตัวที่อ่อนกว่า) บรินเดิ้ล (ขนสีเข้มและสีอ่อนขึ้นแซมกันทั่วตัว) ขาวและขน 2 สี (PATICOLOR) คือ จะต้องมีสี 2 สีที่แยกจากกันอย่างชัดเจนกระจายอยู่ทั่วตัว ไม่มีสีใดสีหนึ่ง เป็นบริเวณกว้างอยู่สีเดียว จะต้องมีสีขาวปรากฎบริเวณหลัง สำหรับสุนัขที่มีสีเดียว แต่มีเท้ากับหน้าอกยาว ไม่นับเป็นประเภทขนสองสี
หาง : ตั้งอยู่ในตำแหน่งที่สูง วางพาดไปบนหลัง ปลายหางตกลงด้านใดด้านหนึ่ง มีขนยาวตรงแน่นและฟูมาก
ขนาด : เนื่องจากปักกิ่งเป็นสุนัขตุ๊กตา (TOY) จึงนิยมให้มีขนาดเล็ก โดยจะต้องมีลักษณะที่ถูกต้อง น้ำหนักจะต้องไม่เกิน 14 ปอนด์
การแสดงออก : จะต้องแสดงออกถึงต้นกำเนิดเดิมในประเทศจีน คือ มีความกล้าหาญ เป็นตัวของตัวเอง เหมือนสิงโตที่มีขนาดเล็ก มีความเชื่อมั่นในตัวเอง ไม่กลัวใคร พร้อมที่จะต่อสู้ป้องกันตัวแต่ไม่ดุร้าย ไม่ควรมีลักษณะอ่อนหวานหรือบอบบาง
ข้อบกพร่อง : ที่จะถูกหักคะแนน ในการประกวด ลิ้นยื่นให้เห็นนอกปาก ตาเจ็บอักเสบ ขากรรไกรบนยื่นกว่าขากรรไกรล่าง (OVERSHOT) และปากเบี้ยว (WRY MOUTH)
ที่จะถูกตัดสิทธ ิ์ในการประกวด จมูกสีชมพูหรือสีน้ำตาล (DUDLEY NOSE) น้ำหนักเกินกว่า 14 ปอนด์

สต๊อป : หรือรอยต่อระหว่างสันจมูกกับหน้าผากจะต้องลึกมาก
หู : มีลักษณะเป็นรูปหัวใจ ไม่อยู่สูงเกินไป ยาวพอสมควร ปลายหูอยู่ระดับต่ำกว่าช่วงปากเล็กน้อย ห้อยตกลงแนบแก้ม ปกคลุมด้วยขนที่ยาวมาก
ช่วงปาก : สั้นมาก กว้าง มีรอยย่น ไม่ยื่นแหลม แข็งแรง ขากรรไกรล่างกว้าง ฟันไม่ยื่นให้เห็นนอกริมฝีปาก
รูปร่างของลำตัว : ลำตัวช่วงหน้าใหญ่หนักแข็งแรง หน้าอกกว้าง ซี่โครงโค้งกว้างค่อยๆ เรียวลงทางด้านหลัง รูปร่างเหมือนสิงโต หลังเรียบขนานกับพื้น ลำตัวสั้นยกเว้นตัวเมียที่อาจยาวกว่าตัวผู้ได้เล็กน้อย
ขา : ขาสั้น ขาหน้ามีกระดูกช่วงบนโค้ง ไหล่แข็งแรง ขาหลังมีกระดูกที่เล็กบางกว่าเล็กน้อย แต่แข็งแรงและได้สัดส่วน
เท้า : เท้าแบน ปลายเท้าเฉียงออก ไม่มีลักษณะกลม จะต้องยืนได้มั่นคงบนเท้าไม่ใช่ยืนบนข้อเท้า
ลักษณะท่าทาง : ไม่กลัวใคร เป็นอิสระ แข็งแรง ลักษณะการเดินจะมีการโยกตัวซ้ายขวาอย่างนุ่มนวล(ROLL)
ขน : ขนยาว มีขนชั้นในที่หนาแน่น ขนมีลักษณะเป็นเส้นตรง เรียบไม่หยิกเป็นคลื่น ค่อนข้างหยาบแต่นุ่ม ขนบริเวณสะโพก ขา หางและหูจะต้องยาวและฟูมาก
ขนแผงคอ : ยาวและฟูมาก กว้างเกินหัวไหล่ ปกคลุมตลอดรอบลำคอ
สี : มีได้ทุกสีคือ แดง ฟอน (สีโทนน้ำตาล) ดำ ดำกับแทน (BLACK AND TAN) เซเบิล (ขนสีดำที่ปกคลุมสีของลำตัวที่อ่อนกว่า) บรินเดิ้ล (ขนสีเข้มและสีอ่อนขึ้นแซมกันทั่วตัว) ขาวและขน 2 สี (PATICOLOR) คือ จะต้องมีสี 2 สีที่แยกจากกันอย่างชัดเจนกระจายอยู่ทั่วตัว ไม่มีสีใดสีหนึ่ง เป็นบริเวณกว้างอยู่สีเดียว จะต้องมีสีขาวปรากฎบริเวณหลัง สำหรับสุนัขที่มีสีเดียว แต่มีเท้ากับหน้าอกยาว ไม่นับเป็นประเภทขนสองสี
หาง : ตั้งอยู่ในตำแหน่งที่สูง วางพาดไปบนหลัง ปลายหางตกลงด้านใดด้านหนึ่ง มีขนยาวตรงแน่นและฟูมาก
ขนาด : เนื่องจากปักกิ่งเป็นสุนัขตุ๊กตา (TOY) จึงนิยมให้มีขนาดเล็ก โดยจะต้องมีลักษณะที่ถูกต้อง น้ำหนักจะต้องไม่เกิน 14 ปอนด์
การแสดงออก : จะต้องแสดงออกถึงต้นกำเนิดเดิมในประเทศจีน คือ มีความกล้าหาญ เป็นตัวของตัวเอง เหมือนสิงโตที่มีขนาดเล็ก มีความเชื่อมั่นในตัวเอง ไม่กลัวใคร พร้อมที่จะต่อสู้ป้องกันตัวแต่ไม่ดุร้าย ไม่ควรมีลักษณะอ่อนหวานหรือบอบบาง
ข้อบกพร่อง : ที่จะถูกหักคะแนน ในการประกวด ลิ้นยื่นให้เห็นนอกปาก ตาเจ็บอักเสบ ขากรรไกรบนยื่นกว่าขากรรไกรล่าง (OVERSHOT) และปากเบี้ยว (WRY MOUTH)
ที่จะถูกตัดสิทธ ิ์ในการประกวด จมูกสีชมพูหรือสีน้ำตาล (DUDLEY NOSE) น้ำหนักเกินกว่า 14 ปอนด์